วันพฤหัสบดีที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ชวนนั่งรถไฟ...ไปเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์



รีวิวฉลองหน้าหนาว ที่หนาวจริงๆ แล้ว เย้ๆๆๆๆ

หลังจากคราวก่อนรีวิวทริปของไปรษณีย์ไปพระราชวังเดิม มารอบนี้ รีวิวทริปของการรถไฟแห่งประเทศไทย ไม่รู้เอมผูกพันอะไรนักหนากับรัฐวิสาหกิจ ปั่นรีวิวนี้กันออกมาก่อน (มีแต่รีวิวที่แซงหน้าอันที่ตั้งใจไว้ตลอดเวลา 555) มีสาเหตุเพราะ เส้นทางนี้จะมีแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เผื่อใครสนใจจะได้ไปเที่ยวชมกัน

เส้นทางรถไฟลอยน้ำเส้นนี้หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาแล้ว เพราะทางการรถไฟฯ จะมีการจัดทริปรถไฟในเส้นทางดังกล่าวทุกหน้าหนาว วันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคม ยกเว้นช่วงปีใหม่ โดยตอนนี้ก็เหลือรอบวันที่ 23 24 ธันวาคม 13 14 20 21 27 28 มกราคม สำหรับค่าโดยสารก็จะอยู่ที่คนละ 270  บาท สำหรับทริป 1 วัน ไม่รวมอาหาร เป็นตู้แบบไม่มีแอร์ ตู้ปกติหลายท่านอาจเคยได้เห็นจากรีวิวอื่นๆ มาแล้ว แต่ที่หลายคนอาจจะไม่ทราบคือ การรถไฟฯ เค้ามีให้เหมาตู้ได้แบบติดแอร์ ได้ด้วย ซึ่งทางญาติผู้ใหญ่ของเพื่อนเอมได้ชวนญาติๆ ไปเที่ยว โดยรอบนี้เหมาไป 2 ตู้ เอมก็ได้โอกาสติดสอยห้อยตามไปเที่ยวอีกคน

สำหรับรถไฟขบวนพิเศษนี้ คือ รถพิเศษ 921 ปลายทางเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ กำหนดเวลารถออกคือ 7.10 น. นอกเหนือจากทริปไปเขื่อนป่าสักฯ แล้ว การรถไฟมีทริปพิเศษปลายทางน้ำตกไทรโยคที่กาญจนบุรี เส้นทางนั้นเอมก็สนใจเหมือนกันค่ะ ไว้มีโอกาสไปจะมาเล่าให้ทุกคนฟังนะคะ ^^




สถานีหัวลำโพง เพิ่งครบรอบ 100 ปี ไปเมื่อปีที่แล้วนี่เอง
รถออกจากชานชาลาที่ 5
ภายนอกตู้ที่เราเหมาพ่วงไปกับขบวนค่ะ ตู้ที่เอมนั่ง เป็นตู้สุดท้ายเลย รอบนี้มีคนเหมาตู้ที่เป็นติดแอร์พ่วงไปทั้งหมด 4 ตู้ เป็นของกรุ๊ปเอม 2 ตู้ หน้าตาแต่ละตู้จะไม่เหมือนกันนะคะ จำนวนคนที่รับได้ก็ไม่เท่ากัน และราคาก็ไม่เท่ากัน...-___-“”” ทั้งหมดนี้ สามารถโทรติดต่อกับทางการรถไฟฯ 1690 ได้ค่ะ โดยติดต่อที่ “ห้องตั๋วหมู่คณะ” ทางการรถไฟจะแจ้งายละเอียดให้เราทราบค่ะ

ของกรุ๊ปเอม ค่าเหมาตู้ 2 ตู้ อยู่ที่ 68,000 บาท(หมายเหตุว่า 2 ตู้ที่เหมา หน้าตาไม่เหมือนกันด้วย) เฉลี่ยราคาต่อตู้ที่เหมาก็ประมาณ 34,000 บาท (นั่งได้ตู้ละ 35 คน ก็คนละประมาณ 9 ร้อยกว่าบาท)



สภาพด้านในตู้ค่ะ ... ให้อารมณ์เหมือนนั่งรถไฟท่องเที่ยวในญี่ปุ่นมากๆ จริงๆ ส่วนหนึ่งที่มันได้อารมณ์เหมือนญี่ปุ่น เพราะเป็นตู้ของทาง JR แล้วเอามา renovate ค่ะ จริงๆ มีอีกตู้หนึ่งที่พ่วงมาด้วย ไม่แน่ใจว่าใช้ชื่อ OTOP หรือเปล่า อันนั้นก็เก๋ ดูเป็นญี่ปุ่นกว่าตู้ที่เอมนั่งอีกค่ะ มีห้องคาราโอเกะห้องเล็กๆ อยู่ในนั้นด้วย เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมา เพราะเดินผ่านตอนจะลงรถแล้วเลยรีบๆ



ด้านหนึ่งของตู้เป็นห้องน้ำชาย และที่วางของ 

ห้องน้ำสำหรับผู้หญิง ต้องไปเข้าอีกด้านหนึ่งค่ะ ห้องน้ำงามมาก



อันนี้เป็นบรรยากาศในอีกตู้ที่เหมาไว้ค่ะ เก้าอี้ที่นั่งหน้าตาไม่เหมือนกัน แต่ทั้ง 2 ตู้มีส่วนที่เหมือนกันคือ มีส่วนของการเตรียมอาหาร เพราะขอให้ทางการรถไฟฯ ช่วยจัดอาหารไว้ให้ด้วย



เลยกำหนดเวลาออกไป 30 นาที... รถไฟ...ยังอยู่ที่เดิม 5555 เราก็ถ่ายรูปเพลินๆ ยาวไปค่ะ



สำหรับที่ให้ทางการรถไฟช่วยเตรียมอาหารให้ ทางการรถไฟคิดที่หัวละ 550 บาทค่ะ (ราคาจะเปลี่ยนแปลงแล้วแต่ว่าเราจะให้ทางเค้าช่วยจัดอะไรให้บ้าง) โดยในที่นี้ จะมีของกินช่วงเช้า 3 เมนู ของกินช่วงบ่าย 4 เมนู (คือกินกันไม่หยุดเลย) เครื่องดื่ม ชา กาแฟ เติมได้ตลอด ตอนบ่ายจะมีพวกน้ำสมุนไพรเพิ่มมาให้ด้วย แต่จะไม่รวมอาหารเที่ยงนะคะ โดยอาหารเที่ยงเราจะดูแลตัวเองกันที่ร้านอาหารที่เขื่อนป่าสักฯ 

เมนูแรกของช่วงเช้า ปาท่องโก๋จิ้มนมค่ะ


พอรถไฟเริ่มเคลื่อนตัวออก เราก็ได้เมนูถัดไป คือ ไกย่างบางตาล อร่อยดีค่ะ แอบเย็นไปนิด รอนานกว่ารถไฟจะออก 55555 

เนื่องจากเป็นตู้ที่พ่วงสุดท้าย เลยได้ไปยืนชมวิวถ่ายรูปด้านหลังได้โล่งๆ

สักพักพอหยุดที่สถานีภาชี ก็มีไอติมภาชีมาเสริฟให้ค่ะ ไอติมภาชีจะมาเป็นถ้วยน้อยๆ พร้อมหลอดดูด เป็นไอติมมะพร้าว หวานๆ อร่อยดีค่ะ ><

และแล้ว เราก็มาถึงจุดหมายของเราค่ะ ทางรถไฟลอยน้ำ



รถไฟจะหยุดตรงกลางทางเพื่อให้เราลงมาถ่ายรูปเล่นอย่างสนุกสนานค่ะ จอดให้ถ่ายรูปอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง คนอยู่ตู้แรกๆ และตู้หลังๆ ก็จะโชคดี สามารถเดินไปถ่ายต้นขบวนหรือท้ายขบวนได้ง่าย เอมเองก็ปักหลักอยู่ท้ายขบวนนี่แหละค่ะ วิวงามดีแล้ว ... แต่... ในความเป็นจริงคือ ขี้เกียจค่ะ ถ้าจะวิ่งไปถ่ายหัวขบวนเนี่ย.... ต้องวิ่งผ่านรถไฟไป 20 ตู้ คิดภาพดูแล้ว... ไม่น่าสนุกแม้แต่น้อย 55555

สักพัก ก็มีเจ้าหน้าที่มาให้สัญญาณให้ขึ้นบนขบวน 

รถไฟมาหยุดที่เขื่อนป่าสักค่ะ ตรงจุดนี้จะแวะให้เราทานข้าว เที่ยวเล่นประมาณ 4 ชั่วโมง ใครใคร่ทำอะไร ทำตามอัธยาศัยเลยค่ะ รถออกอีกครั้งตอน 15.30

รถจอดส่งพวกเราแล้ว จะวิ่งไปจอดรอที่อื่นค่ะ ใกล้ๆ เวลาจะกลับมารับเราอีกครั้ง

4 ชั่วโมงที่ได้มา... เราก็หาที่นอนกันค่ะ!!! ไม่ใช่แล้ว ก็หาอะไรกินกันก่อน จากนั้นก็แยกย้าย จะนั่งรถชมเขื่อนแบบนี้ก็ได้นะคะ มีเวลาเหลือเฟือ แต่... คิวรอนั่งก็ยาวมากเช่นกัน 

หรือจะเช่ารถกอล์ฟขับเองก็ได้นะคะ เหมือนจะชั่วโมงละ 350 แต่คิวก็ยาวมากเช่นกัน
เอมเองทานข้าวเสร็จก็เดินเล่นขึ้นบนหอคอยค่ะ ซึ่งบอกไว้ก่อนว่า เดินขึ้นนะคะ ลิฟท์มีแต่เหมือนจะเสีย เดินขึ้นนี่ ... ไม่เท่าไรค่ะแต่มันร้อนและอากาศไม่ถ่ายเทอย่างรุนแรง เสียดายว่า ถ้าเค้าทำหน้าต่างให้ลมผ่านเข้าออกได้ คงจะดีกว่านี้มากเพราะที่เขื่อนลมดีจริงๆ ค่ะ



หาที่นั่งเล่น รับลมเพลินๆ พอเคลิ้มๆ ก็ถึงเวลาต้องไปขึ้นรถไฟแล้วค่ะ รถไฟจะกลับมาจอดที่สถานีก่อนเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง ขึ้นมาบนตู้ปุ๊บ เราก็กินกันต่อ ... ประหนึ่งทริปเพิ่มน้ำหนัก


ณ จุดนี้ เริ่มลืมๆ จะถ่ายรูปของกิน ด้วยความอิ่มง่วง ปล่อยเหล่าผู้หลักผู้ใหญ่ร้องคาราโอเกะกันไป (จริงๆ ก็มีร้องกันตลอดตั้งแต่ขามา เอมนี่นั่งฟังแต่ละท่านร้องเพลงเพลินเลย ... อย่าถาม ว่าเพลงยุคไหน 5555)
นั่งไปเรื่อยๆ ก็มีทางเจ้าหน้าที่การรถไฟฯ มาเล่นเกมค่ะ เข้าใจว่าเล่นมาแล้วทุกตู้ ก็แจกของเป็นแสตมป์ กับการ์ด สำหรับแสตมป์ที่เอามาแจกตอนเล่นเกมจะเป็นชีทแสตมป์ 100 ปีหัวลำโพงค่ะ 


หุหุหุ แจกแสตมป์นี่... เข้าทางเอมเลย ชีทที่แจกจะเป็นชีทเวอร์ชั่นพิเศษของการรถไฟฯ นะคะ ซึ่งจะไม่เหมือนกับที่ไปรษณีย์ขายให้กับคนทั่วไป ชีทพิเศษที่แจกคือฝั่งขวานะคะ สำหรับฝั่งซ้ายเป็นแบบปกติที่ขายกันที่ไปรษณีย์ (แต่คาดว่าจะหมดไปแล้วค่ะ)
(เอากลับมาถ่ายรูปกับของที่บ้าน)
ไหนๆ ก็พูดถึงแสตมป์แล้ว ขอแถมอีกหน่อย คือนอกเหนือจากที่หัวลำโพงจะครบ 100 ปีไปเมื่อปีที่แล้ว (วันที่ 25 มิถุนายน 2559) ปีนี้ (2560) เมื่อตอนต้นปี ไปรษณีย์ก็มีออกแสตมป์ 120 ปีการรถไฟไทยมาด้วยค่ะ เป็นแสตมป์กลมๆ 4 ดวงรูปหัวรถจักร อันนี้เอมเห็นหลาย ปณ ยังมีเหลือๆ อยู่นะคะ ใครสนใจก็ไปจับจองเป็นเจ้าของกันได้ 

กลับมาที่รถไฟของเรากันต่อ เรื่องกินยังไม่หมด เมนูสุดท้ายของทริปนี้ พุดดิ้งมะพร้าวค่ะ อร่อยดีเหมือนกัน แต่หวานไปนิดสำหรับเอม ^^

รถไฟจะกลับเข้า กทม ช่วงเวลาเย็นๆ เราก็จะได้เห็นภาพพระอาทิตย์ตกงามๆ ระหว่างทางแบบนี้ 



ทริปนี้ก็จบลงเป็นที่เรียบร้อยค่ะ สำหรับใครที่สนใจอยากเที่ยวโดยรถไฟ แบบกลุ่มใหญ่ๆ ชวนญาติๆ ชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยวพร้อมๆ กัน และนั่งสบายๆ (มีปลั๊กไฟสำหรับเสียบชาร์ตด้วย) ก็สามารถติดต่อการรถไฟเพื่อเหมาตู้แบบนี้ได้นะคะ  ตู้จะมีหลายแบบ เราอยากได้แบบไหนต้องลองปรึกษาทางการรถไฟฯ ดูค่ะ

โพสต์นี้ขอลากันไปก่อน ถ้ามีคำถามสงสัยอย่างไร ถามเอมมาได้นะคะ ^^ ยินดีให้ข้อมูล (เท่าที่ทราบ 55555) >< พบกันใหม่โพสต์หน้าค่ะ 

ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาชมนะคะ